วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2556

เคล็ด(ไม่)ลับในการร้องเพลง


เคล็ด(ไม่)ลับในการร้องเพลง
1. เคล็ดลับในการหายใจ สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มหัดร้องเพลง เพราะมักจะหายใจไม่ทันและเหนื่อย ร้องแล้วบางทีลมไม่พอ ทำให้เสียงขาดหาย

ตอบ การหายใจที่ถูกต้องคือ การเก็บลมที่กระบังลม พองรับลมเก็บลมเข้าไว้ ใช้ลมจากกระบังลม Control ให้เส้นเสียงสั่นสะเทือน ถ้าเปลี่ยนวิธีการหายใจมาใช้กระบังลมได้ บางทีน้องจะหายใจง่ายขึ้น เพราะการหายใจด้วยกระบังลม มันใช้เวลาเสี้ยววินาทีในการเก็บลมให้เต็ม

2. รู้สึกว่าเสียงร้องของตัวเองไม่มีพลัง ควรทำไงดี อีกอย่างหนึ่งการที่จะร้องเพลงให้มีทั้งน้ำเสียงและ feelling ที่ดีควรทำอย่างไร

ตอบ ต้องรู้จัก Project เสียง เริ่มจากรู้จักการบังคับกระบังลม อย่างเช่น การบังคับกระบังลมเนี่ย เราหายใจเข้าเก็บลม กระบังลมพองเต็มที่แล้ว ปล่อยเสียง เราบังคับกระบังลมให้ Project เสียงทีเดียว ให้มีพลัง เราทำได้แล้ว เราจะเริ่ม Project เสียง บังคับกระบังลมได้นะ มันมีวิธีการฝึกฝน แบบฝึกหัดเยอะแยะ อย่างเช่น Sit Up หรือว่า เพิ่มพลังให้กระบังลม ยกน้ำหนักกระบังลม น้องๆ ก็คงต้องเน้นที่กระบังลม เก็บลมและ Control ได้เต็มที่ จะทำให้เสียงมีพลังมากขึ้น

3. ร้องเพลงแล้วรู้สึกเหมือนเสียงสั่นๆไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

ตอบ เสียงสั่นมี 2 กรณีนะครับ - คือเกร็ง เวลาร้องเพลงแล้วเกร็ง เส้นเสียงมันจะตึง ทำให้สั่นสะเทือนไม่ได้เต็มที่ - อีกอันหนึ่งก็คือ ลมที่ใช้บังคับให้เส้นเสียงสั่นสะเทือน ไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นต้องลองเช็คดูว่า ลมพอรึเปล่า หรือว่าน้องร้องเกร็ง แล้วก็แก้ไขที่จุดนั้นๆ

4. ผมเป็นคนที่ร้องเสียงสูงไม่ค่อยได้ ทำอย่างไรให้สามารถร้องเสียงสูงได้บ้างครับ โดยเฉพาะเพลงพี่เบิร์ดร้องยากมาก ถ้าจะร้องให้ได้ตามคีย์เสียงพี่เขานั้นยากมากสำหรับผม

ตอบ จริง ๆ แล้ว อย่างที่บอกว่าการร้องเพลง เสียงจะถูกกำหนดโดยสรีระร่างกายคนเราแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นอยากจะเป็นคนอีกคนนึง มันก็ยาก แต่มันก็ไม่ถึงกับทำไม่ได้ จะต้องมีการฝึกฝนที่ถูกวิธี หายใจให้ถูกต้อง รูปปากถูกต้อง ค่อย ๆ Vocalize เสียงให้สูงขึ้น แต่ยังไงก็ตาม คนบางคนก็อาจจะไม่สามารถร้องได้ เพราะระดับของเสียงมันถูกกำหนดโดยสรีระร่างกาย เพราะฉะนั้นถ้าอยากร้องเพลงพี่เบิร์ด ก็อาจจะต้องลดคีย์ลงมาดีกว่า อย่าไปบังคับให้เสียงสูงขึ้นโดยการตะโกน มันจะทำให้เสียงเสีย

5. วิธีการร้องเสียงหลบเป็นยังไง มีเทคนิคในการร้องแบบไหน แล้วร้องยากไหม

ตอบ การร้องเสียงหลบนี่ก็คือเสียง Head Tone ค่ะ วิธีการร้องก็ต้องเปิดคอ ก็คือให้คอ เราเป็นโพรง แล้วโยนเสียงขึ้นไปให้ก้องกังวานอยู่บริเวณที่เป็น Head Tone จริง ๆ ถามว่าร้องยากมั้ย ไม่ยากนะ แต่จะต้องมีการฝึกฝนที่ถูกวิธีนิดนึง แล้วก็มีครูที่มีประสบการณ์ช่วยชี้แนะ

6. ร้องเพลงไม่ค่อยเข้ากับดนตรีเลย เป็นคนเสียงต่ำทำให้ร้องเพลงเสียงสูงไม่ได้ พอร้องเสียงมันจะขาดไป อยากร้องเพลงเสียงสูงได้ และการร้องแบบมีลูกคอทำยังไงคะ อยากมีลูกคอเหมือนกับนักร้องดังๆบ้าง ควรฝึกยังไง

ตอบ อยากร้องเสียงสูงได้ต้องฝึกนะ ก็คือฝึกการวอร์มเสียงด้วย แล้วก็จะต้องมี ครูที่ชำนาญช่วยในการ ฝึกฝน อย่างที่พี่แอนบอกว่า เสียงจะถูก Limit ด้วยสรีระร่างกาย เรา ดังนั้นการที่จะยืดให้เสียงสูงขึ้นหรือต่ำลงจะต้องมีคนที่มีประสบการณ์มีความรู้มากกว่าที่จะช่วยยืดเสียงนั้น ร้องแบบมีลูกคอทำยังไง? ลูกคอ คือการสั่นสะเทือนเราเรียกว่า Vibration ค่ะ เพราะฉะนั้นลูกคอก็คือการสั่นสะเทือนของโน้ต 2 ตัว ให้หาโน้ต 2 ตัว ลองฝึกฝนร้องจากโน้ตแต่ละโน้ต อย่างสมมุติ \"มีฟ้า มีฟ้า มีฟ้า… เราร้องให้เร็วขึ้น แล้วมันจะเกิดลูกคอได้

7. อยากทราบเทคนิคการร้องแบบ R&B ว่าทำยังไงค่ะ แล้วก็สนใจอยากร้องให้ได้แบบ Mariah (แบบหอนๆ หน่อย) อยากรู้ว่าหัดยังไง

ตอบ คนที่ร้อง R&B ได้จะต้องเป็นคนที่ฟังเพลงเยอะๆ แล้วก็รู้จักการใช้โน้ตหลายๆ ตัว แทนที่จะร้องลากเสียงแค่โน้ตเดียว ก็จะเปลี่ยนโน้ตไปเรื่อยๆ มันจะมีสเกลหลายสเกลที่จะใช้ฝึกนะคะ อย่างเช่น Melodic Scale คือสเกลที่เป็นเครื่องเสียงหมดเลย ฝึกอันนี้ก็ได้ หรือว่าฟังเพลงเยอะๆ ก็ได้

8. เพื่อนๆมักจะบอกว่า ผมร้องเพลงสมูทมากๆ คือเรียบหมดทั้งเพลง ไม่มีสูง-ต่ำ ทั้งๆที่ผมรู้สึกว่าผมออกเสียงสูงต่ำชัด อาการของผมคือ ร้องเสียงต่ำปั๊บ ล่มทันที คือร้องได้ แต่ว่าไม่ค่อยมีคีย์ เสียงสูง ก็สูงมากไม่ได้ เพราะเสียงผมขาดพลัง ลงต่ำไม่ค่อยได้ แต่เพื่อนบอกว่าผมเนื้อเสียงดีนะ ช่วยตอบด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

ตอบ เป็นเสียงโมโนโทน คือร้องเสียงคีย์เดียวกันตลอด ปัญหาคงอยู่ที่ ear training คือปัญหาของการรับฟัง เพราะถ้าเรามีประสาทหูที่ดีเราจะรับฟังเสียงสูงและเสียงต่ำ แล้วก็สามารถทำตามได้จากสิ่งที่ได้ยิน เพราะฉะนั้น ของน้องคงต้องเริ่มตั้งแต่ ear training ก่อน คือฝึกประสาทรับฟังที่ถูกต้องก่อน เพื่อจะได้จับเสียงสูง-เสียงต่ำ และความแตกต่างของเสียงได้ เนื้อเสียงดีก็ดีแล้วค่ะ แต่จริงๆสิ่งที่สำคัญที่สุดอีกอย่างของการร้องเพลง คือประสาทรับฟัง

9. เอกลักษณ์การร้องเพลงที่เป็นตัวของตัวเอง\" ฟังแล้วเหมือนง่าย แต่ยากจังนะคะ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเอกลักษณ์ของเราคืออะไร เพราะอย่างหนูเองเวลาร้องตามนักร้อง หนูมักจะหัดออกเสียงตามแบบที่เขาร้อง แรกๆหนูก็ไม่รู้ตัวหรอกค่ะ แต่พอมาฟังคนพูดเยอะๆว่า นักร้องคนนี้ ร้องเพลงมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองดี ก็เลยฉุกคิดว่า แล้วเราล่ะมีเอกลักษณ์การร้อง เป็นของตัวเองบ้างหรือเปล่า

ตอบ จริงๆแล้วเอกลักษณ์ มันก็คือเทคนิคในการร้องเพลง อย่างที่เวลาน้องร้องเพลงตามศิลปินคนอื่นๆ เขาจะมีเทคนิคแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน ทีนี้การใช้เทคนิคในคำแต่ละคำในเพลง มันอาจจะมีหลายเทคนิค ที่จะใช้กับคำๆนั้น ถ้าน้องสามารถหาวิธีที่น้องถนัด แล้วก็ลงไปร้องคำกับคำๆนั้นให้เหมาะสม มันก็จะเป็นเทคนิค ส่วนตัวของเราได้ ซึ่งตรงนี้เป็นขั้น advance แต่จริงๆแล้วถ้าฟังเพลงเยอะๆ เราก็จะจับเทคนิคได้ ถ้าจะให้แนะนำก็ลองปรึกษาหรือลองไปเรียนกับครู ที่มีความรู้ความสามารถ เพื่อที่จะได้พัฒนาเทคนิคของตัวเองขึ้นไป แล้วจะได้เข้าใจว่าอะไรคือเอกลักษณ์ของตัวเอง

10. อยากทราบวิธีวอร์มเสียงก่อนขึ้นเวทีค่ะ

ตอบ วิธีการวอร์มเสียงง่ายๆ วอร์มสเกล เมเจอร์สเกล โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด หรือว่าเป็นอาเพ็จจิโอ โด มีซอล โด ซอล มี โด อะไรอย่างเนี้ย แล้วก็ค่อยไล่สเกลขึ้นไปเรื่อยๆ ก็จะช่วยได้ หรือว่าเป่าลม เป่าปาก ก็จะช่วยรีแล็กซ์กล้ามเนื้อที่ปาก ที่คาง ที่ขากรรไกรได้ อาจจะวอร์มร่างกายให้อบอุ่นด้วยอีกอย่างหนึ่งก็ดี

11. การร้องเพลงร็อคควรใช้เสียงประมาณไหนครับ

ตอบ การร้องเพลงทุกเพลง ต้องเริ่มต้นที่การร้องเต็มเสียง เต็มเสียงยังไง? หมายความว่าเต็มเนื้อเสียงที่เราใช้ในการพูด เป็นเสียงมาตรฐานของการร้องให้เต็มเสียง เพลงร็อคก็ควรจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน แต่ว่าเพลงร็อคของน้อง อาจจะเป็นไฮร็อก หรือว่าเฮฟวี่เมทัล อาจจะต้องใช้เสียงมากกว่านั้น ซึ่งอาจจะต้องมีครูแนะนำ เพราะว่าบางทีถ้าใช้เสียงผิดวิธี มันจะทำให้เส้นเสียงอักเสบได้ แต่ว่าเริ่มร้องเพลงเนี่ย ควรจะร้องให้เต็มเสียงก่อนแล้วกัน

12. อยากร้องเพลงเก่ง มีปัญหาตอนที่ร้องเสียงสูง เสียงจะเพี้ยนและแตกทุกครั้ง ตอนนี้ผมทำงานในด้านนี้ด้วย(ร้องเพลงที่ผับตอนกลางคืน) ช่วยบอกวิธีให้ด้วยนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

ตอบ 1. เบสิค คือการหายใจที่ถูกต้อง ประสาทรับฟังที่ถูกต้อง รูปปากที่ถูกต้อง 2. ริธึ่มมิค คือ จังหวะที่ดี 3. เทคนิค คือ การร้องอย่างมีสไตล์ มีเทคนิคเป็นของตนเอง เพราะฉะนั้นถ้าอยากร้องเพลงเก่งๆ พี่ว่ากลับไปที่เบสิคของการร้องเพลง ต้องเช็คว่าหายใจถูกต้องหรือยัง? หายใจด้วยกระบังลมหรือเปล่า? รูปปากถูกต้องชัดเจนหรือยัง? เพราะว่าบางทีถ้าร้องเสียงสูงแล้วเสียงไม่ถึง มันมี 2 กรณีคือ เสียงไม่ถึงเพราะลมไม่พอ กับอีกกรณีหนึ่งคือร้องไม่ถึง เพราะว่ามันสูงเกินเร้นจ์(Range)ของเสียงเราเกินไป เพราะฉะนั้นต้องเช็คให้ดีว่ามันเป็นเพราะอะไร แล้วก็แก้ไขที่สาเหตุนั้น ถ้าร้องไม่ถึง ร้องเพี้ยนหรือเสียงแตก เพราะว่าลมไม่พอ อาจจะเป็นเพราะว่าเบสิคของการใช้ลมหายใจเราผิด ต้องไปปรับแต่งตรงนั้นให้ได้

13. ทำยังไงเสียงของเราถึงจะใสและฟังเพราะ ไม่ตํ่าหรือสูงเกินไป

ตอบ จริงๆการร้องเพลงมันต้องร้องตามเมโลดี้ ถ้าเมโลดี้มันต่ำหรือมันสูงก็ต้องร้องตามนั้น ทำยังไงให้เสียงใสตลอดเวลา ก็คงจะต้องอยู่ที่วิธีการรับประทานอาหาร สุขลักษณะ โภชนาการ แล้วก็การพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายให้เต็มที่

14. เวลาร้องคอรัสทำอย่างไร? ไม่ให้หลงไปกับ line ของเมโลดี้

ตอบ อันนี้ต้องฝึกที่ ear training นะคะ เพราะว่าถ้าประสาทรับฟังของเราดี ไม่ว่าจะมีเสียงอะไรมารบกวน เราก็จะไม่เป๋ไปตามเสียงนั้น ต้องฝึก ear training แล้วก็ต้องฝึกสมาธิในการร้องเพลง ซึ่งในการร้องเพลง เราต้องคิดหลายๆเรื่องพร้อมๆกัน เราจะต้องแยกประสาทส่วนต่างๆในการควบคุมตัวเองให้ได้ ถ้าเราฝึกตรงนี้ได้ มันจะช่วยให้เราร้องคอรัสได้ดีขึ้น แต่ที่สำคัญต้องเริ่มที่ ear training ก่อน

15. หนูมีปัญหาอยากถามพี่ดังนี้ คือเวลาที่ร้องเพลง(หนูเป็นนักร้องและนักดนตรี) ขึ้นเสียงสูงมาก ๆ เมื่อก่อนจะร้องไม่ได้ ปัจจุบันร้องได้แล้ว แต่จะมีปัญหาว่า ตอนช่วงเย็นถึงหัวค่ำ จะร้องเสียงสูงไม่ค่อยได้ คือเหมือนกับเสียงจะแหบ แต่ว่ายิ่งดึก เสียงจะยิ่งใสขึ้นมากๆ คนอื่นมีปัญหาแบบนี้บ้างมั้ย หนูจะร้องเพลงตั้งแต่ช่วงสองทุ่มถึงเที่ยงคืน คืนหนึ่งร้องถึง 30 เพลงรวด มีเบรค 1 ชั่วโมง และอยากรู้เคล็ดลับที่ทำให้เสียงไม่แหบ

ตอบ ถ้าเราใช้เสียงเยอะในช่วงกลางคืน ยิ่งดึกมันก็จะเหมือนคนทั่วไป คือตอนเช้าเพิ่งตื่นขึ้นมาเสียงจะแหบ แล้วเสียงมันจะค่อยวอร์มไปเรื่อยๆ คือค่อยๆทำงานไปเรื่อยๆ จนประมาณเที่ยงวัน พอถึงตอนเย็นเสียงมันก็จะใสเต็มที่ เพราะฉะนั้นถ้าน้องร้องเพลงกลางคืน น้องก็ต้องเปลี่ยนลักษณะการนอน การกินอยู่ เป็นนอนตอนกลางวันให้เต็มที่ เท่ากับคนทั่วไปที่เขานอนตอนกลางคืน แล้วตื่นขึ้นมาก็จะมีระยะเวลา ในการให้เสียงมันวอร์มอัพก่อน อาจจะพูดคุยกับเพื่อนให้เสียงมันเข้าที่ ก่อนที่จะไปทำงานตอน 2 ทุ่ม ไม่ใช่ว่าน้องตื่น 6 โมงเย็น แล้วรีบอาบน้ำ แต่งตัวไปทำงานตอน 2 ทุ่มเลย เสียงจะยังไม่มา มันต้องให้ระยะเวลาในการตื่น ในการให้เสียงมันวอร์มอัพก่อน จริงๆก็คือต้องเปลี่ยนวิธีการนอน เปลี่ยนวิธีการกินอยู่ ชีวิตประจำวันให้ต่างจากคนทั่วไป ถ้าไม่อยากให้เสียงแหบ หรือว่าใช้เสียงให้ถูกประเภท หายใจให้ถูกต้อง เบสิคในการร้องเพลงต้องถูกต้อง มันจะช่วยให้การร้องเพลงสบายขึ้น

16. อยากทราบว่ารูปร่างมีผลต่อการร้องเพลงหรือไม่ ถ้าผมอ้วนนี่จะมีส่วนต่อการร้องเพลงหรือเปล่าครับ แล้วมีผลอย่างไรบ้าง

ตอบ รูปร่างมีผลต่อการร้องเพลงอยู่แล้ว เพราะว่าเสียงในการร้องเพลง เกิดจาก 3 ส่วนในร่างกายของคนเรา ส่วนที่1 เราเรียกว่า เชสโทน คือทรวงอก ส่วนที่ 2 เราเรียกว่า เม้าธ์โทน คือโพรงปาก ส่วนที่ 3 เราเรียกว่า เฮดโทน คือโพรงสมอง ร่างกายของคนเรา สรีระแต่ละส่วนจะเป็นตัวกำหนดให้เสียงต่างกันไป อย่างเช่น ทรวงอก คนที่รูปร่างใหญ่จะร้องเสียงต่ำ มีพลังได้ดีกว่าคนที่ผอม หรือว่าคนที่มีโพรงสมอง อย่างเช่น พวกคนผิวดำหน้าผากเขาจะโหนกขึ้นมานิดหนึ่ง จะทำให้ช่วยในการร้องเสียงสูงได้ เพราะฉะนั้นสรีระร่างกายเป็นตัวกำหนดการร้องเพลง แต่จริงๆแล้วถ้าได้เรียนรู้หรือฝึกฝนเพิ่มเติม ก็จะช่วยยืดเร้นจ์ของเสียง หรือระดับระยะห่างของเสียงให้กว้างขึ้นได้

17. จะทำยังไงให้เสียงคงที่ ไม่แกว่งครับ ต้องทำไงดี

ตอบ เก็บลมให้ดี และ Control เสียงด้วยลมจากกระบังลม

18. ผมเรียนร้องเพลงเบื้องต้นอยู่ที่เชียงใหม่นะครับ ตอนนี้ใกล้จะจบคอร์สแล้ว แต่มีปัญหาว่าผม ร้องเพลงเสียงสูงๆ แล้วมักจะบีบเสียง ครูที่สอนบอกว่าผมเกร็งไป และเสียงผมชอบเป็นเสียง แฟลต จะทำอย่างไรดีครับ ช่วยแนะนำด้วย เพื่อการร้องเพลงของผมจะได้ไม่มีข้อผิดพลาดอีก

ตอบ ร้องเสียงสูงต้องเปิดคอและ Swing เสียงไปที่ Head Tone ลองให้ครูช่วยด้วย

19. อยากทราบว่าเราจะมี วิธีการร้องเพลงอย่างไรให้เสียงกว้างๆ

ตอบ หมั่น Vocalize เสียง จะช่วยยืดให้เสียงกว้างขึ้น

20. เคล็ดลับการรักษาเสียง เคล็ดไม่ลับในการรักษาเสียงและร้องเพลงคืออะไร

ตอบ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

21. เทคนิคการร้องแบบใช้เสียงลม การร้องเเบบใช้เสียงลม ถือว่าเป็นการร้องที่ผิดวิธีรึเปล่าครับ เพราะว่าร้องแบบไม่เต็มเสียง เห็นนักร้องบางคนนำมาใช้กัน

ตอบ เสียงลมถือเป็นเทคนิคอย่างหนึ่ง แต่ควรใช้เฉพาะบางคำในเพลงเท่านั้น ไม่ใช่ตลอดทั้งเพลง เพราะจะทำให้ไม่มีพลังและ Control เสียงลำบาก

22. ทำอย่างไรถึงจะรู้เสียงจริงๆ ของตัวเอง เวลาร้องเพลงแล้วพยายามร้องให้เต็มเสียงทีไร คนที่บ้านก็จะบอกว่าฟังแล้วแสบแก้วหูบ้าง บอกว่าเราเสียงแหลมบ้าง แต่พอเราทำเสียงให้ soft ลงมาหน่อยเค้าฟังแล้วก็รู้สึกดีขึ้นนะคะ แต่หนูก็รู้สึกว่าพอขึ้นเสียงสูงแล้วเสียงจะเหมือนคนเป็นหวัดค่ะ ตอนนี้ก็เลยสับสนว่าควรร้องยังไงให้ฟังออกมาดูไพเราะน่ะค่ะ เพราะหนูเป็นคนค่อนข้างเสียงแหลมค่ะ ทำอย่างไรถึงจะรู้เสียงจริงๆของเราค่ะ

ตอบ ใช้เทียบจากเสียงพูดตัวเองก่อน จะได้เสียงที่เป็นธรรมชาติที่สุดเวลาร้องเพลง

23. เวลาร้องเพลงจะรู้ได้อย่างไรว่า ควรให้เสียงลงคอ หรือขึ้นจมูกอย่างไร มากน้อยเพียงใด หรือว่าเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน

ตอบ เวลาร้องเพลง เสียงไม่ควรจะขึ้นจมูก เพราะว่าเวลาเสียงขึ้นจมูก คอมันจะปิด พอคอปิดเสียงจะแบน เสียงที่เราต้องการในการร้องเพลงก็คือเสียงกลม เสียงที่มาจากกำบังลมของเรา ทีนี้ก็คลิกเข้าไปดูในเรื่องการออกเสียงที่ถูกต้องนะคะ เพราะฉะนั้นการร้องเพลงมีวิธีง่ายๆก็คือ อย่าเรียกเสียงขึ้นคอหรือขึ้นจมูกดีกว่า เรียกว่าเราควรอ้าปากให้กว้างมากที่สุดเท่าที่สระตัวนั้นควรจะออกเสียงแบบนั้น เพราะบางคนร้องเพลงไม่อ้าปาก เสียงจะขึ้นจมูกและเสียงแบน

24. ร้องเพลงไม่ค่อยตรงคีย์ครับ ทำให้ไม่มั่นใจเลยเวลาจะต้องร้อง ต้องฝึกยังไงดีครับ

ตอบ ปัญหาร้องเพลงไม่ตรงคีย์ คนที่ร้องไม่ตรงคีย์ควรจะฝึกกับเครื่องดนตรี เป็นกีต้าร์หรือเปียโนนะคะ โดยเฉพาะเปียโนจะช่วยได้มาก กดโน้ตทีละตัวแล้วก็พยายามร้องให้เสียงเราตรงกับโน้ตที่เราได้ยิน ฝึกไปเรื่อยๆอย่าเพิ่งไปรีบร้องเพลง ฝึกโน้ตแต่ละตัวก่อน แล้วเมื่อไรที่เราเริ่มชินเสียงที่เราได้ยิน ให้เปล่งเสียงตามเสียงที่เราได้ยินได้ เราจะเริ่มร้องถูกคีย์ได้มากขึ้น

25. เป็นคนที่ชอบร้องเพลงมาก แต่พอมาร้องต่อหน้าคนอื่นหนูจะตื่นเต้นมาก ตอนนี้หนูก็พยายาม ร้องให้เพื่อนฟัง ก็พอจะร้องได้บ้าง แต่พอเวลามีงานทีไร พวกเพื่อนๆก็จะยุให้ขึ้นไปร้องบนเวที จะกลัวและตื่นเต้นจนร้องไม่ออก จะทำยังไงให้ร้องเพลงได้ และให้หายตื่นเต้นดี

ตอบ จริงๆแล้วคนที่ชอบร้องเพลง ถ้าตื่นเต้นมาก วิธีการทำให้คลายความตื่นเต้น ก็คือทำสมาธิกำหนดลมหายใจเข้า-ออก แล้วก็ทำสมาธิให้จิตใจสงบลง ต้องเป็นคนที่ฝึกซ้อมบ่อย ๆ ถ้าเราไม่อ่อนซ้อม ถึงเวลาที่เราต้องแสดงออก หรือต้องประกวด หรือว่าอะไรก็แล้วแต่ เราจะมีความมั่นใจมากกว่าคนอื่นๆ และเราก็สามารถระงับความตื่นเต้นนั้นได้

คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจำวัน


รวมคำศัพท์ ภาษาอังกฤษ ใช้ในชีวิตประจำวัน

    นำเอา คำศัพท์และประโยคภาษาอังกฤษ มาให้เพื่อนๆได้ดูกันคะ อยากบอกว่า คำศัพท์ภาษาอังกฤษพวกนี้ วัยรุ่น ส่วนมากจะชอบใช้ในชีวิตประจำวันกันมากๆด้วย  คำศัพท์นั้นมีมากมายหลายประโยคมากๆที่เพื่อนๆสามารถพูดได้ โดยที่ความหมายนั้นก็เป็นความหมายอย่างเดียวกัน ^^ บางทีเพื่อนๆ จะได้รู้ว่า เราควรจะเลือกใช้คำไหนกับใคร เวลาใด
SECTION 1
The SLANG words of ”HOW ARE YOU?”
WHAT’S UP?                      แปลว่า              เป็นไงบ้างล่ะ?
WHAT’S SHAKIN’?          แปลว่า              เป็นไงบ้างล่ะ?
WHAT’S NEW?                 แปลว่า               เป็นไงบ้าง?
HOW’S IT GOING?          แปลว่า                เป็นไงบ้าง?
HOW’S EVERYTHING GOING? แปลว่า     เป็นไงบ้าง?
HOW’RE THINGS?         แปลว่า                  เป็นไงบ้าง?
HOW’RE YOU GETTING ALONG? แปลว่า   เป็นไงบ้างล่ะ?
ARE YOU DOING OK?     แปลว่า                สบายดีไหม?
PRETTY GOOD                 แปลว่า                 ค่อนข้างดี
IT’S OK                                แปลว่า                   มันก็โอเคดี
IT’S TERRIBLE                 แปลว่า                 มันเลวร้ายมากเลย,มันแย่มากๆ
SECTION 2
ANSWER FROM NO.1
VERY WELL                          แปลว่า              ดีมากเลยล่ะ
GOOD                                      แปลว่า               ดี
FINE                                        แปลว่า               ก็ดีนะ
(สามารถแปลว่า ก็ได้  ได้)  เช่น Can you guy lend me your money? … Fine แปลว่า อีนี่นายให้ฉันยืมเงินหน่อยจาได้หมายจ๊ะ (ออกแนวอินเดีย) ก็ได้
QUITE WELL                         แปลว่า            ค่อนข้างจะดี
SO SO                                       แปลว่า             ก็งั้นๆแหละ
NOT SO GOOD                      แปลว่า             ไม่ดีมากหรอก
BAD                                         แปลว่า               ไม่ดีเลย
SO BAD                                  แปลว่า             ไม่ดีเอามากๆ,เซ็งอย่างแรง
SECTION 3
The SLANG words of “YES”
YEAH                                                 แปลว่า เออ,ใช่
YEA                                                    แปลว่า เออ,ใช่
YEP                                                    แปลว่า เออ,ใช่
AYE                                                    แปลว่า เออ,ใช่
The same meaning of word “YES”
 ABSOLUTELY                 แปลว่า       อย่างแน่นอนเลย
CERTAINLY                     แปลว่า        อย่างแน่นอน
TOTALLY                          แปลว่า        อย่างแน่นอน
SURE                                   แปลว่า         ใช่,แน่นอน
OF COURSE                       แปลว่า         ใช่ค่ะ/ครับ
RIGHT                                 แปลว่า          ถูกต้องแล้วล่ะ
EXACTLY                           แปลว่า           ถูกเผงเลย
SECTION 4
The SLANG words of “GUY”
DUDE                          แปลว่า     หมอนั่น,นายนั่น,ผู้ชายที่ค่อนข้างเจ้าชู้
CHAP                           แปลว่า     นายนั่น, หมอนั่น
BLOKE                         แปลว่า     นายนั่น,หมอนั่น
FELLOW                      แปลว่า      นายนั่น,หมอนั่น
*ใช้พูดกับคนสนิท โดยกล่าวถึงบุคคลที่3

SECTION 5
The same meaning of word“CLOSE FRIEND”
FRIENDSTER               แปลว่า       เหล่าบรรดาเพื่อนฝูง,พรรคพวก
FOLK                              แปลว่า       เพื่อน,แก
(เช่น Hey folk, what’s up? แปลว่า ไง แก เป็นไงบ้าง)
BUDDY                             แปลว่า      เพื่อน, แก
PARTNER                        แปลว่า      คู่หู,เพื่อนสนิท
PAL                                    แปลว่า      เพื่อน
CHUM, CHUMMY          แปลว่า      เพื่อนสนิท,เกลอ
GUYS, GIRLS                   แปลว่า      เพื่อน,เธอ,นายน่ะ
* กลุ่มเพื่อนสนิทที่เรียกว่า GANGนั้นจะออกไปในทางลบ (ส่วนคำว่า GANGSTER จะแปลว่า กลุ่มอันธพาล)
SECTION 6
The SLANG words of“CRAZY”
CRACK                              แปลว่า        บ้า,คนบ้า
BATTY                                แปลว่า       บ้า
MAD                                     แปลว่า      บ้า,คลั่ง
FREAK                                 แปลว่า     ประหลาด,ความคิดวิตถาร
JERK                                     แปลว่า     บ้า,ประหลาด
WEIRD                                 แปลว่า      แปลกประหลาด,บ้าๆดี
*ใช้ว่าคนที่ทำตัวบ้าๆ,แปลกประหลาด
SECTION 7
The SLANG words of “SWEAR WORDS”
(คำสบถ ใช้พูดเวลาตกใจ)
OH! GOD                                 แปลว่า    โอ้ พระเจ้า
(เรียกพระเจ้ามาช่วย อันนี้เชยมากๆเลย)
OH! MY LORD                         แปลว่า   โอ้ พระเจ้า
FOR GODNESS!                       แปลว่า    พระเจ้า,เจ้าประคุณเอ๋ย
FOR GOD’S SAKE!                 แปลว่า     พระเจ้า,เจ้าประคุณเอ๋ย
FOR CHRIST’S SAKE!          แปลว่า      พระเจ้า,เจ้าประคุณเอ๋ย
JESUS CHRIST!                       แปลว่า      พระเจ้า
(JESUS คือชื่อของพระเยซู)
S…H…I…T…!      ความหมายตรงตัวแปลว่าขี้ แต่ภาษาพูดแปลว่า ให้ตายสิ,บ้าชิบ
DAMN IT!                        แปลว่า         ให้ตายสิ,บ้าชิบ
BULL….S….H….I….T….!    แปลว่า   แหกตาชัดๆ, โกหกทั้งเพ
BULLCLAB!                    แปลว่า         แหกตาชัดๆ, โกหกทั้งเพ
DAMNแล้วตามด้วย ADJECTIVE  แปลว่า โค-ต-ร 
(เช่น Damn beautiful แปลว่า โค-ต-ร สวยเลย)
SUCK!                         แปลว่า               ห่วยแตก
(เช่น You suck แปลว่า นายมันห่วย)
SECTION 8
The SLANG words of “…..”(คำด่าของมนุษย์จำพวกต่างๆ)
A.S.S.H.O.L.E            แอสโฮล  
(ใช้ด่าเฉพาะผู้ชาย-ความหมายแรง) ความหมายตรงตัวแปลว่ารูตูด แต่ภาษาพูดแปลว่า อีตาบ้า,ไอ้บ้า (เช่น You a.s.s.h.o.l.e)
B..I..T..C..H (ใช้ด่าเฉพาะผู้หญิง-ความหมายแรงมาก) แปลว่า นังแรด, ยัยแรด
 (เช่น You’re such a son of a b…i…t…c…h)
S.L.U.T.S(ใช้ด่าเฉพาะผู้หญิง-ความหมายแรงมาก) แปลว่า นังแรด, ยัยแรด
WHORE(ใช้ด่าเฉพาะผู้หญิง-ความหมายแรงมาก) แปลว่า คุณโส…,นังแพศยา
WIMP                    หมายถึง        นายแหย่ (พี่แหย่ประจำโรงเรียน)
SISSY                     หมายถึง         นายแหย่ (พี่แหย่ประจำโรงเรียน)
NERD                      หมายถึง พวกเรียนเก่งแต่เข้าสังคมไม่ได้, พวกทำตัวเฉิ่ม
GEEK                        หมายถึง      พวกเรียนเก่งแต่เข้าสังคมไม่ได้
DORK                       หมายถึง       พวกเรียนห่วย
PREPS                       หมายถึง       พวกป็อปแต่นิสัยแย่
JOGS                          หมายถึง       นักกีฬาบึกๆที่ชอบหลงตัวเอง
BIMBO, DUMB BLONDE หมายถึง   ผู้หญิงผมบลอนด์ที่สวยแต่ไร้สมอง
WANNABE                หมายถึง          พวกอยากป็อปแต่ไม่ป็อปซะที
SLAGGER                  หมายถึง          เจ้าเด็กขี้เกียจ
SLEEPY HEAD          แปลว่า             เจ้าขี้เซา
 (เช่น Time to wake up, sleepy head. แปลว่า ได้เวลาตื่นแล้วเจ้าขี้เซา)

SECTION 9
The same meaning of word “BEAUTIFUL”
NICE                              แปลว่า          สวย
GORGEOUS                 แปลว่า           งดงาม, สวยแบบไม่มีที่ติ,สวยมาก,สวยกิ๋วกิ้ว (ใช้กับพวกดารา Hollywoodทั้งหลาย)
DAMN GORGEOUS      แปลว่า          สวยโค-ต-ร ๆๆๆ
PRETTY                          แปลว่า            สวยน่ารัก
HOT, SEXY                     ปลว่า             สวยแบบร้อนแรง,เซ็กซี่ ไม่นิยมใช้คำว่าLOVELY กับคนแต่จะใช้กับสิ่งของหรือสถานที่มากกว่า เช่น Look at thathouse!It’s so lovely แปลว่า ดูบ้านหลังนั้นสิ มันสวยจังเลย หรือ What a lovely house!                    แปลว่า            บ้านอะไรเนี่ย สวยจัง
SECTION 10
The same meaning of word“STUPID”
ASS                                แปลว่า           โง่ (เหมือนลาเลย)
BLOCKHEAD             แปลว่า            คนโง่,คนบ้า
CHUMP                        แปลว่า            โง่
FOOL, FOOLLY         แปลว่า            โง่
DOLT                            แปลว่า             คนโง่,เซ่อ
DUNCE                         แปลว่า              คนโง่
DUNDERHEAD             แปลว่า            คนโง่
DULL                               แปลว่า            คนโง่, ปัญญาทึบ
DUMMY                          แปลว่า            ไอ้ปัญญาทึบ,ไอ้ทึ่ม
IDIOT                               แปลว่า             คนโง่,คนบ้า
SILLY                               แปลว่า             งี่เง่า,โง่,เซ่อ,บ้า
BLUNT                             แปลว่า              โง่, ทื่อ,ทึ่ม
SECTION 11
The SLANG words of “GO AWAY”
GET AWAY                      แปลว่า               ออกไปให้พ้นเลย
GET OUT!                         แปลว่า               ออกไป
(เช่น TAKSIN GET OUT! 555)
GET LOST                          แปลว่า              ไปไกลๆส้นฉันเลย ไป๊!
GETTA HELL OUT OF MY WAY    แปลว่า    ไปลงนรกซะไป๊
GETTA FCUK OUT         แปลว่า                ไปไกลๆฉันเลย ไป๊!
GET YOUR ASS OUT OF MY WAY แปลว่า    ย้ายตูดของแกไปเร็วๆเลย เดี๋ยวโดนถีบ
FCUK OFF                          แปลว่า               ไปไกลๆเลยไป
LEAVE THE PLACE!        แปลว่า               ออกไปจากที่ซะที (ตูเบื่อแล้ว)
GET OUT OF HERE!         แปลว่า                ออกไปจากที่นี่ซะ
GET OUT OF MY FACE!   แปลว่า               ไปให้พ้นหูพ้นตาฉันเลย
GET OFF MY TAIL!          แปลว่า    หยุดตามฉันซะที ไปไกลๆฉันเลย 
(หรือจะเรียกว่า Stop follow me! ก็ได้)
BEAT IT!                               แปลว่า                  ไปไกลๆส้นฉันเลยนะ
SECTION 12
Some International abbreviations you may often see
AOL                           ย่อมาจาก American Online
ADDY                        ย่อมาจากAddress
BRB                           ย่อมาจากbe right back
CIS                             ย่อมาจากConsumer Information Service
RTFM                       ย่อมาจากRead the, uh, Friggin’ Manual
ROTFL                      ย่อมาจากRolling on the floor and laughing
PITA                          ย่อมาจากPain in the “acronym”
BTW                          ย่อมาจากby the way
BFN                            ย่อมาจากBye, for now
IRC                             ย่อมาจากInternet Relay Chat
TSR                ย่อมาจากTerminate and stay Resident program
TOS                ย่อมาจากTerm of service
LOL                ย่อมาจากlaughing out loud
OTOH            ย่อมาจากon the other hand
OTTH             ย่อมาจากon the third hand
FWIW            ย่อมาจาก for what it’s worth
RSN                ย่อมาจากReal Soon Now
SASE              ย่อมาจากSelf addressed stamp envelope
SM                  ย่อมาจากSnail mail
SMA               ย่อมาจากSnail mail addy
WYSIWYG    ย่อมาจากwhat you see is what you get
OIC                 ย่อมาจากOh! I see
IMHO             ย่อมาจากIn my humble opinion
[The speaker is never humble]
IMCO             ย่อมาจาก In my considered opinion
G, d&r            ย่อมาจากGrinning, ducking and running
OOTB             ย่อมาจากOut of the box
WB                 ย่อมาจาก Welcome back (being back on IRC)
WBS               ย่อมาจาก Write back soon 


SECTION 13
The same meaning of word “WHAT HAPPENED?”
WHAT’S HAPPENING?      แปลว่า         เกิดอะไรขึ้น
WHAT’S GOING ON?         แปลว่า        มีอะไรเกิดขึ้น, เกิดอะไรขึ้นเนี่ย
WHAT’S WRONG?              แปลว่า      มีอะไรเกิดขึ้นหรอ,มีอะไรผิดปกติ
*สามารถถามในอีกสถานการณ์ก็ได้ เช่น What’s wrong with you?Nothing  (แปลว่า คุณเป็นอะไรไปเนี่ย ป่าวหรอก)
WHAT’S THE MATTER?     แปลว่า      มีปัญหาอะไร, เกิดอะไรขึ้น
WHAT’S THE PROBLEM?    แปลว่า     มีปัญหาอะไร,เกิดปัญหาอะไรล่ะนี่
WHAT’S THE TROUBLE?     แปลว่า    มีปัญหาอะไร, เกิดปัญหาอะไรล่ะนี่

SECTION 14
The same meaning of word
“WAIT”                                       (รอก่อนโว้ยยย)
WAIT A MINUTE!               แปลว่า รอฉันแป๊ปนึงนะ (คำว่าราวหนึ่งนาทีเป็นแค่การเปรียบเทียบ)
WAIT A SECOND!               แปลว่า รอฉันแป๊ปนึงนะ (คำว่าราววินาทีเป็นแค่การเปรียบเทียบ)
*คำนี้ถ้าคุณผู้อ่านจะนำไปใช้ ต้องใช้พูดเฉพาะการขอเวลาช่วงสั้นมากๆ
WAIT A MOMENT!            แปลว่า รอฉันครู่หนึ่งนะ
JUST A MINUTE!                แปลว่า รอฉันแป๊ปนึงนะ (คำว่าราวหนึ่งนาทีเป็นแค่การเปรียบเทียบ)
JUST A SECOND!                แปลว่า รอฉันแป๊ปนึงนะ (คำว่าราววินาทีเป็นแค่การเปรียบเทียบ)
*คำนี้ถ้าคุณผู้อ่านจะนำไปใช้ ต้องใช้พูดเฉพาะการขอเวลาช่วงสั้นมากๆ
JUST A MOMENT! แปลว่า รอฉันครู่หนึ่งนะ
***ในกรณีที่ต้องลุกออกไปทำธุระ ก่อนไปควรพูดว่า I’ll be right back*** …เฮ้ย นี่ เดี๋ยวชั้นจากลับมาใหม่นะและเมื่อทำธุระเสร็จแล้ว คุณผู้อ่านควรตอบก่อนที่จะพูดขึ้นต้นบทสนทนาใหม่ว่า I’m back  …กลับมาแล้วจ้า
SECTION 15
The same meaning of word
“IT DOESN’T MATTER”          (ไม่เป็นไรหรอกจ้า)
NO PROBLEM                                 แปลว่า ไม่เป็นไรหรอก,หยวนๆ
DON’T WORRY                              แปลว่า ไม่เป็นไร,ไม่ต้องกังวลหรอก
IT’S FINE                                           แปลว่า มันไม่เป็นไร, มันโอเคดี
IT’S OK                                                แปลว่า มันไม่เป็นไร, มันโอเคดี

SECTION 16
>>iNTerEstinG Words<<  
Kidding                       แปลว่า ล้อเล่น (เช่น Are you kidding me?… เธอล้อฉันเล่นอ๊ะป่าว)
Find out                     แปลว่า เสาะแสวงหา, ค้นหา (เช่น I don’t know this word, I’ve to find out.)
Spring Break          แปลว่า ช่วงปิดเทอม 

SECTION 17
……. “EXCLAMATION” …….
WOW!                                           ว้าว
COOL!                                          แปลว่า เจ๋งว่ะ
AWESOME!                              แปลว่า เจ๋งสุดๆ
THAT’S HOT!                         เจ๋งสุดๆ
THAT’S SMOKING!             แปลว่า เจ๋งสุดๆ
THAT’S FAB!                           แปลว่า เจ๋งมากๆ
YOU GO GURL!                       แปลว่า ต้องอย่างงี้สิเพื่อนฉัน
FOR SHAME!                            แปลว่า น่าอายจริงเลย
SHAME ON YOU!                   แปลว่า น่าอายจริงเลยแก
MY WORD!                                 แปลว่า แหม
WHAT CHEEK!                        แปลว่า ทะลึ่งจริง
YUM, YUMหรือ YUMMY    เป็นเหมือนเสียงสูดปากแสดงความอยากกินอาหารชนิดนั้นๆ
LOOK!                                            แปลว่า นี่ ฟังนะ (ไม่ได้หมายความว่า มอง) (เช่น Look! I try to tell you but you don’t get it. แปลว่า นี่ ฟังนะ ฉันพยายาม
บอกนายแล้ว แต่นายมันไม่เข้าใจเอง)
OH! BOYหรือ OH! MAN       แปลว่า โอ้ ให้ตายสิ
WELL DONE!                            แปลว่า ทำได้ดี
GO ON!                                          แปลว่า ทำต่อไป

SECTION 18
……. “EXCLAMATION” …….
WHAT A PITY!                    แปลว่า ไม่น่าเลย,น่าเสียดายจัง
OH DEAR!                                แปลว่า พุธโธ่
GOOD SHOT!                         แปลว่า แม่นจริง
HERE IT IS!                           แปลว่า มาแล้วหรอ,นี่ยังไงล่ะ
HI! YOU THERE!                 แปลว่า นี่คุณคนนั้นน่ะ
BY THE WAY                         แปลว่า เออ นี่ฉันมีเรื่องอยากจะพูด
THAT’S IT!                             แปลว่า นั่นแหละ,ถูกแล้ว,ต้องยังงั้น
REALLY!                                  แปลว่า อ๋อ ยังงั้นรึ
BY ALL MEANS!                 แปลว่า เชิญเลย
UGH!                                           เสียง อืย (แสดงความขยะแขยง)
OUCH!                                       แปลว่า โอ๊ย
OOPS!                                         แปลว่า อุ๊ย
GO IT!                                       แปลว่า เอาเลย
เพื่อนๆชอบคำไหนก็ลองเอาไปฝึกพูดกันดูนะคะ และถ้าอยากเรียน ภาษาอังกฤษ ให้เก่งนั้นก็ต้องขยันและหมั่น อ่านหนังสือ หรือดูหนังก็ได้นะ เอาเป็นแบบ ภาษาอังกฤษ จะได้ฝึกไปในตัว แบบนี้ก็จะทำให้เราไม่เบื่อกับการเรียนภาษาอังกฤษแน่นอน ^^