วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ประโยชน์ของคอร์มพิวเตอร์




ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์
เราได้ประโยชน์อะไรจากการเรียนคอมพิวเตอร์

1. ทันสมัย / ทันเหตุการณ์ / ทันข้อมูลข่าวสาร / ทันโลก ช่วยให้เราสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ทั่วโลก
2. ช่วยให้การเรียน การทำงาน ทันสมัยและไรับความสะดวกมากยิ่งขึ้น เช่น ได้เรียนรู้จากสื่อที่ทันสมัยที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์
    ที่เรียกว่า โปรแกรม CAI
3. เป็นแหล่งการเรียนรู้ที่ดีเยี่ยม ช่วยในการค้นคว้าหาความรู้เป็นห้องสมุดขนาดใหญ่
4. ช่วยรับ - ส่งข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว
5. ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด เช่น เกม ดูภาพยนตร์ ฟังเพลง ร้องเพลง
6. ช่วยสร้างงานศิลปะ ออกแบบชิ้นงานได้อย่างสร้างสรรค์ สวยงาม

ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1. ประโยชน์ทางตรง
        ช่วยให้มนุษย์ทำงานได้โดยตรงคือคอมพิวเตอร์ทำงานได้เที่ยงตรง รวดเร็ว ไม่เหน็ดเหนื่อย ช่วยผ่อนแรงมนุษย์ ในด้านต่าง ๆ
เช่น ด้านการคำนวณ พิมพ์งาน บันทึกข้อมูล ประมวลผล ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานในแวดวงใน หากนำคอมพิวเตอร์เข้าช่วยงาน
จะช่วยแบ่งเบาภาระงานได้เป็นอย่างดีและมีประสิทธิภาพ

2. ประโยชน์ทางอ้อม
        คอมพิวเตอร์ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น ช่วยในการเรียนรู้ให้ความปันเทิงความรู้ ช่วยงานบันเทิงพัฒนางานด้านต่าง ๆ
เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีอันส่งผลให้ความเป็นอยู่ของมนุษย์ดีขึ้น เป็นต้น
 

เปิดเผยความจริงเกี่ยวกับ " การสะกดจิต "


เปิดเผยความจริงเกี่ยวกับ " การสะกดจิต "
การสะกดจิต (Hypnotism) คืออะไร?
 การสะกดจิต คือ วิธีการทำให้บุคคลที่ถูกสะกดจิต มีสภาวะจิตและกายที่ผ่อนคลาย  ไม่ใช่หลับ ดังที่ภาษากรีค Hypnos หมายความว่า หลับ”  แต่เมื่อสักเกตดู ผู้ถูกสะกดจิตมีสภาวะที่ผ่อนคลาย สงบสบายคล้ายหลับ  ผู้สั่งจิตที่ได้รับการเรียนรู้และฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี และมีประสบการณ์ในการสะกดจิตหรือสั่งจิต(Hypnotize) อย่างถูกหลักการและวิธีการ  สามารถทำให้ผู้ถูกสะกดจิตหรือถูกสั่งจิต  สามารถ  เปลี่ยนแปลงความคิด  ความรู้สึก  อารมณ์ และพฤติกรรมได้  นอกจากสิ่งดังกล่าวแล้ว  การสะกดจิตยังสามารถ  แก้ไขพฤติกรรม ชีวิตและความเป็นอยู่  ความดื้อด้าน  ความเกียจคร้านการงาน  การศึกษาเล่าเรียน จากนิสัยที่เสียที่เลว กลับมาเป็นนิสัยที่ดี  คิดดี  พูดดี  ทำดี  ทำการงานรับผิดชอบและให้ความร่วมมือแก่ผู้บังคับบัญชา  ผู้ใต้บังคับบัญชาและผู้ร่วมงานเป็นอย่างดี  จากการมีชีวิตอยู่ปชีวิตไปวัน ๆ อย่างไร้จุดหมาย  มาดำเนินชีวิตที่มีความกระตือรือร้น มีความมุ่งหวัง  มีความเพียรพยายาม  ขยันอดทนต่อปัญหาและความยุ่งยากลำบากต่าง ๆ  โดยมีเป้าหมายที่จะมีชีวิตที่ดีกว่า ในทุกเรื่อง เช่น ต้องการที่จะมี สุขภาพจิตดี  สุขภาพกายดี  มีความเป็นอยู่ในครอบครัวดี  มีความเป็นอยู่ในสังคมดี ได้รับความร่วมมือจากผู้ร่วมงานดี  อยากจะได้สิ่งที่มนุษย์ทุกคนปรารถนายิ่งนัก นั่นคือ  มีทรัพย์หสินเงินทอง ประสบความสำเร็จและมีความสุข สันติสุขในจิตใจ
<!--[if !vml]-->http://www.hypnoticquality.com/images/1110187784/Healing01s.jpg<!--[endif]-->
Mrs.Natacha กำลังรับการบำบัดโรคกลัวหนู
(Uriphobia)
<!--[if !vml]-->http://www.hypnoticquality.com/images/1110187784/Healing02s.jpg<!--[endif]-->
ครอบครัวของ Mrs.Natacha และเพื่อนๆชาว
อังกฤษมาร่วมชมการบำบัดด้วย
การสะกดจิต อันตรายไหม?
 ตามความเป็นจริง  เราทุกคนถูกสะกดจิตอยู่เป็นประจำทุกวัน  เช่นการอ่านหนังสือเตรียมสอบ อ่านหนังสือนิยาย  สนุกเพลิดเพลินจนไม่ได้ยินเสียงคนเรียก  คนเดินและเสียงอื่นใด  เพราะจิตใจจดจ่ออยู่กับเรื่องนิยายนั้น  ที่ผู้เขียนมีความสามารถในการเขียนบรรยายให้ตัวหนังสือเคลื่อนไหวเหมือนภาพจริงเรื่องจริง  เรื่องหนังเรื่องละครก็เช่นเดียวกัน  ทำให้ผู้ดูผู้ชมถูกสะกดทำให้เกิดความรู้สึกคล้อยตาม จนร้องไห้ออกมา  หรือหัวเราะออกมาได้  แต่บุคคลเหล่านั้นก็ไม่มีอันตรายแต่ประการใด
 ในระหว่างการสะกดจิต  คุณได้ยินผู้สะกดจิตพูดสั่งอย่างชัดเจน  ดังนั้น คุณสามารถที่จะหยุด ไม่ฟัง และลุกขึ้นออกไปจากที่สะกดนั้นเลยก็ได้  เมื่อไม่เป็นที่พอใจ  เพราะคุณได้ยิน และรู้เรื่องทุกสิ่งที่ผู้สะกดพูดหรือกระทำสิ่งใด ๆ โดยตลอด 
 วิชาการสะกดจิต ถ้าไม่ดีจริง ไม่มีประโยชน์ บุคคลที่เรียนสูงระดับ Ph.D., M.D., ซึ่งอยู่ในประเทศที่เจริญและพัฒนาแล้ว เขาคงไม่มีการเรียนการสอนกัน ถึงระดับ ปริญญาเอก  ยิ่งกว่านั้น  เขายังพัฒนาความรู้เรื่อง การสะกดจิตหรือการสั่งจิตนี้ให้ก้าวหน้ากว้างไกลยิ่งขึ้น มันน่าแปลกไหมท่าน  ที่ประเทศระดับมหาอำนาจ เขาเปิดการเรียนการสอนกัน เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ รัสเซีย และอื่นๆ  แต่บุคคลในประเทศที่ด้อยพัมนาหรือกำลังพัฒนากลับคิดและมองดูว่า การสะกดจิตเป็นเรื่องเหลวไหล”   คุณผู้มีสติปัญญาลองพิจารณาดูซิว่า   คนที่มีปริญญา Ph.D., M.D., กับคนที่ไม่มีปริญญา ไม่มีดีกรี  ใครจะเป็นคนที่มีความรู้มาก ใครจะเป็นคนที่มีความรู้น้อย   ผมเคยพูดเสมอว่า  “คนที่เรียนน้อยรู้มากไม่มี   คนที่เรียนมาก รู้น้อยก็ไม่มีเช่นกัน”   และคนที่ไม่แสวงหาความรู้ เรียนรู้ศาสตร์ของผู้อื่นเลย  จะอ้างว่าตนมีความรู้ดีในศาสตร์นั้น ๆ ได้อย่างไร  จริงไหมท่านผู้มีปัญญา?
 ขอให้เราทั้งหลาย จงมีจิตใจที่เปิดกว้าง  พยายามแสวงหาความรู้อยู่เสมอ  แสวงหาสิ่งที่เรายังไม่รู้ให้รู้ และพยายามศึกษาฝึกหัดให้รู้จริง  ถ้าทำดังนี้ได้ ก็จะได้ชื่อว่า  “นักแสวงหาความรู้  นักการศึกษาที่แท้จริง  รู้จริงและทำได้จริง  สามารถถ่ายทอดอย่างผู้รู้ที่แท้จริง”  ตัวผมเอง เมื่อไม่รู้สิ่งใดจริงแจ่มแจ้งชัดเจนแล้ว  ไม่กล้าที่จะไปพูดว่า สิ่งนั้นไม่ดี ไม่ถูก และไม่มีประโยชน์เด็ดขาด
การสะกดจิตนั้นมีประโยชน์อย่างไร?
 การสะกดจิตเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยม สามารถที่จะทำให้  จิตสำนึกเชื่อง   ทำให้จิตใต้สำนึกมีพลังและมีศักยภาพที่เลิศยิ่งนัก   สามารถช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตได้หลายอย่าง  เช่น  ทำให้สุขภาพดีขึ้น  พฤติกรรมดีขึ้น ขจัดความอาย ความประหม่า ตื่นเต้น ความกลัวต่าง ๆ ให้หมดไป  ช่วยให้มีความเชื่อมั่นในตนอง  ช่วยให้มีความจำดีขึ้น  มีสมาธิดีขึ้น  เพิ่มความสามารถและสมรรถนะทางด้านต่าง ๆ ได้มากมาย แม้แต่การกีฬา
 มีคนมาหาผม  ขอให้แก้ปัญหาความจำไม่ดี  ผมก็จะสั่งจิตใต้สำนึกของเขาให้พัฒนาความจำของเขาดังนี้  สั่งย่อให้ได้รู้กันสักเล็กน้อยเป็นตัวอย่าง...
• ความจำของคุณดีขึ้น แหลมคมขึ้น ทุกวัน ๆ
• คุณจำเรื่องต่าง ๆ ที่คุณต้องการจำได้ดี  คุณสามารถระลึกถึงสิ่งที่คุณต้องการรู้ให้กลับมาได้อย่างง่ายดาย
• คุณสามารถจดจำสิ่งที่คุณคิดว่าสำคัญ จำได้แม่นยำ และจำได้ทนนานอย่างถาวร
               สมอง ความคิดของคุณแหลมคมขึ้น  ความจำของคุณดีขึ้นทุกวัน ๆ
การสะกดจิตทำให้แข็งแรงขึ้น และหนุ่มสาวขึ้นได้ไหม?
 เป็นไปได้ทีเดียว  การสั่งจิตช่วยให้เซ็ลล์ใหม่เจริญเติบโตขึ้น  เซ็ลล์ใหม่ก็จะเติบโต แข็งแรงสมบูรณ์ และดูอ่อนกว่าวัย   อย่าลืมว่า  การสั่งจิตต่อตนเองของคุณนั้นเป็นอย่างไร  คุณคิดสั่งจิตและตัวของคุณอย่างไร  คุณก็จะเป็นบุคคลเช่นนั้น
ด้วยเหตุนี้  พึงจำไว้ว่า  เปลี่ยนความคิดของคุณได้  คุณย่อมเปลี่ยนชีวิตของคุณได้เช่นกัน"
 พึงระลึกอยู่เสมอว่า    เราคิดสุขหรือทุกข์ ร่างกายของเราก็จะเป็นเช่นนั้น  มันดูง่ายใช่ไหม   เพียงแต่คิดเท่านั้น  ผลก็จะปรากฏออกมาอย่างน่าทึ่ง

วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

ยิ่งนอนดึก ยิ่เร่งวันตาย



 การนอนดึกเป็นเหตุให้อายุสั้น เท่ากับเร่งวันตายให้ตัวเองการทำงานดึกทำให้ร่างกายล้า เหมือนกับ เครื่องยนต์ overload ไม่ช้าเครื่องก็พัง วิธีแก้ไขในกรณีต้องทำงานดึก (เพื่อไม่ให้ร่างกายโทรมเร็ว) ผู้ที่มีหน้าที่บริหารงาน มักจะพบปัญหานี้กันมาก เพราะต้องเร่งงาน ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคนนอนดึก         
          1. ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ เกิดอาการล้า
          2. ระบบร่างกายจะรวน ดังนี้
          ระบบการย่อยอาหาร ท้องอืด ท้องเฟ้อง่าย อาหารย่อยไม่ดี ทำให้อุจจาระหยาบ คืออาหารที่ทานเข้าไป ถ้าไม่นอนดึก อุจจาระจะสวย ไม่มีเศษอาหารติดอยู่ เหมือนกับแท่งทอง แต่ถ้าอดนอนแล้วอุจจาระจะหยาบ จะมีเศษ อะไรต่างๆ ติดอยู่ เหมือนกับรถที่มีเขม่าติด เกิดจากการที่ร่างกายย่อยไม่หมด เพราะล้า แนวทางแก้ไข ให้ลดอาหารประเภทเนื้อสัตว์ อาหารเหนียวๆ มิฉะนั้นลำไส้ทำงานหนัก ยิ่งนอนดึกแม้ เราหลับไปแล้ว แต่ลำไส้ไม่หลับ ยังคงย่อยอยู่ต่อไป พอตื่นขึ้นมาก็เพลีย ให้ทานไข่ นม แทนพวกเนื้อ สัตว์ ก็จะพอถูไถไปได้ มิฉะนั้นท้องจะผูกเป็นประจำ ริดสีดวงทวารจะถามหา (ถ้าหากอ้วนก็ให้ทานนม แทนไข่)
          ท้องผูก มี 2 ลักษณะ
          1. ผูกแข็ง คือ อุจจาระแข็ง
          2. ผูกเหลว คือ อาการถ่ายอุจจาระไม่หมด ยังค้างอยู่ แต่ลำไส้ล้า กระเพาะอาหารล้า ทำให้ไม่มี แรงบีบให้ออกจนหมด ดังนั้นในวันหนึ่งๆ จึงต้องถ่ายหลายครั้ง

          โรคที่จะตามมาก็คือ ผื่นคันบริเวณขาหนีบ (ไม่ใช่เพราะความ สกปรกหมักหมม) จะคันทั้งวัน ปกติอุจจาระจะกึ่งแข็งกึ่งเหลว ถ้าแข็งแสดงว่าส่วน ที่เป็นน้ำได้ซึมกลับเข้ามาในลำไส้ ซึ่ง มันเป็นของเสีย ที่ต้องขับออก ผลก็คือทำให้น้ำเหลืองเสีย ก็จะมาประทุบริเวณเนื้ออ่อนๆ เช่นที่ขาหนีบ สาเหตุก็มาจาก ท้องผูกนั่นเอง เพราะฉะนั้น อย่านอนดึก ถ้าต้องดึกก็ให้ออกกำลังหน้าท้อง ให้ท้องเกิดกำลัง จะได้รีดอุจจาระออกมา ได้เร็ว ทานเสร็จแล้วอย่านอน ให้เดินสักครึ่งชั่วโมง เพราะพอขาได้เดิน ลำไส้มันก็ต้องไปกับขาด้วย จะช่วย ทำให้ย่อยได้ดีขึ้น ท้องจะผูกน้อยลง ผื่นคันก็จะหาย ถ้ายังไม่หาย (เนื่องจากอายุมาก) ให้ทานน้ำขิงสด (ไม่ใช่ขิงผง เป็นซองๆ) พวกที่นอนดึกต้องให้ท้องอุ่นมากๆ ให้หาผ้ามาห่ม เดี๋ยวท้องจะอืด เฟ้อ บางทีต้องให้เท้าอุ่นด้วย ให้หา ถุงเท้ามาใส่ มิฉะนั้นเท้าจะชา
          ระบบปัสสาวะ ถ้านอนไม่ดึก ประมาณ 3-4 ทุ่ม พอตื่นเช้าขึ้นมาจะปัสสาวะครั้งเดียวจบ แต่ถ้านอนดึก ยิ่งนอนตีหนึ่ง กลางดึกจะต้อง ลุกเข้าห้องน้ำถี่ เพราะร่างกาย overload ต้องการน้ำมาก กล้ามเนื้อข้างในจะบีบคั้นเอาพลังงานออกมาใช้ จึงต้องใช้น้ำมาก ผลก็คือปัสสาวะบ่อยทำให้พวกเกลือแร่ที่อยู่ในร่างกายจะถูกขับออกมาพร้อมกับปัสสาวะด้วย ยิ่งอายุ 35 ขึ้นไปจะยิ่งแย่ แนวทางแก้ไข ให้ทานแคลเซี่ยมเม็ดได้ แต่อย่ามาก แค่ 1 เม็ดก็พอ ถ้าทานมากจะทำให้แคลเซี่ยมพอก คืออาการที่กระดูกงอกทับเส้นประสาท (ถ้าเป็นแล้วต้องให้คนนวด และทานยาละลายแคลเซี่ยมช่วย) ถ้าไม่ทาน แคลเซี่ยมชดเชย จะทำให้เลือดจาง เม็ดโลหิตจาง สรุปแล้วการอดนอน เท่ากับเร่งวันตายให้ตัวเอง
          การนอนดึกต้องดื่มน้ำให้มาก และเติมเกลือในน้ำด้วย คือพอเราดื่มแล้วมันออกมาหมดทั้งทางปัสสาวะและเหงื่อ เราทานเกลือมากๆ ยังออกทางเหงื่อได้ แต่ถ้าทานแคลเซี่ยมมากทำให้กระดูกงอก ส่วนโค้ก เป๊ปซี่ กระทิงแดง อย่าทาน พอเราอยู่ดึกและกลั้นปัสสาวะ มันจะซึมกลับเข้าเส้นเลือด ทำให้น้ำเหลืองเสีย ก็จะไปประทุที่ขาหนีบ หรือท้องแขนเป็นเม็ดแดงๆ เป็นจ้ำขึ้นทั่วเลย บางคนไม่กลั้น แต่ดื่มน้ำน้อย อาการก็จะเหมือนกับการโม่ แป้งฝืดๆ ลำไส้บีบตัวไม่ไหว ต้องเค้น ก็จะเพลีย แต่ถ้าดื่มน้ำมาก ทำให้ถ่ายสบาย ถ้าดื่มน้ำน้อยจะทำให้กรดยูเรียเข้มข้น พอเรากลั้นปัสสาวะมันก็จะซึมเข้าเส้นเลือด ทำให้น้ำเหลืองเสีย ถ้ากลั้นบ่อยๆ จะทำให้ปัสสาวะไม่หมด ระบบเหงื่อ คนที่ไม่มีเหงื่อออก จะแย่ ถ้าขับเหงื่อให้ออกได้ร่างกายสบาย ถ้าเหงื่อไม่ออกความร้อนภายในร่างกายจะระบายไม่ได้ ทำให้อึดอัด ของเสียในร่างกายก็ออกไม่ได้ โรคผิวหนังจะถามหา สิวฝ้าจะขึ้น เพราะฉะนั้น ดื่มน้ำให้มากพอและออกกำลังกาย เท่านั้นพอ เอาจนเหงื่อออกให้ได้ คนนอนดึกเหงื่อจะไม่ค่อยออก ของเสียตกใน สิวฝ้าขึ้น มันก็จะไปออกทางปัสสาวะแทน ไตเลยทำงานหนัก
          ระบบหายใจ ระบบหายใจจะเสียตามมา ร่างกายจะเอาออกซิเจนไปแลกเลือดดำให้เป็นเลือดแดงได้ต้องมีความชื้น ถ้าความชื้นน้อยมันจะไม่แลก ทำให้อึดอัด เหมือนอยู่ห้องแอร์แล้วอึดอัด เพราะความชื้นไม่พอ ไม่ใช่ อากาศไม่พอ อากาศมันแห้งเลยเอาความชื้นในตัวเราไป ทำให้ปอดทำงานไม่สะดวก และออกซิเจนไม่ ได้ แนวทางแก้ไข ให้เอาน้ำใส่กะละมังไว้ข้างตัว ยิ่งเป็นน้ำร้อนยิ่งดี ถ้าอึดอัดให้เอาผ้าหนุนเท้าให้สูง เลือดก็จะไหลลงมาได้ จะทำให้นอนสบาย การดื่มน้ำหวานๆ ตอนอยู่ดึกๆ ก็ช่วยได้ แต่อย่าหวานมากจะทำให้อ้วน ถ้าจะให้ดีที่สุดอย่าอยู่ดึก ดึกได้ เป็นครั้งคราวถ้าจำเป็น คนนอนดึกเสียงจะแห้ง เพราะไตมันล้า การใช้สบู่ ให้ใช้สบู่เด็ก เพราะเป็นสบู่อ่อน การกัดจะน้อย อย่าใช้สบู่แรงๆ ให้ฟอกสบู่วันละครั้งก็พอ ถ้าฟอกวันละหลายๆ ครั้งไขมันจะหมด จะทำให้ผิวแตก ถ้าคันมากๆ อันเนื่องมาจากการนอนดึก ถ้า เราไม่ทราบเราจะยิ่งฟอกสบู่หนักเข้าซึ่งไม่ดี ให้ฟอกวันเว้นวัน การดูแลรักษาร่างกายให้ดี จะทำให้นั่งสมาธิได้ดี นั่งได้นาน ไม่คัน ไม่เข้าห้องน้ำบ่อย

สุนัขพันธุ์ปั๊ก

หมาปั๊ก Puggy ตูบหน้าบี้...จอมทะเล้น

หมาปั๊ก Puggy ตูบหน้าบี้...จอมทะเล้น


หมาปั๊ก
หมาปั๊ก

หมาปั๊ก
หมาปั๊ก


หมาปั๊ก Puggy ตูบหน้าบี้...จอมทะเล้น (Dogazine)

          ในปัจจุบัน คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักสุนัขสายพันธุ์ปั๊กเป็นแน่ เนื่องด้วยกระแสความนิยมในสุนัขสายพันธุ์นี้ที่เริ่มมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะด้วยอุปนิสัยน่ารักน่าเลี้ยงก็ดี หรือจะด้วยรูปร่างหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ มองอย่างไรก็ไม่เบื่อ ชวนให้หัวเราะแล้วอารมณ์ดีทุกคราที่มองปั๊กน้อย สิ่งเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุผลที่ทำให้คนไทยหันมาเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้มากขึ้นตามลำดับ

          ด้วยความร่าเริงที่ไม่เหมือนใคร หน้าตาแลดูฉงนปนทะเล้น และอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา ทำให้ปั๊กไม่เพียงแต่เป็นที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยเท่านั้น หากแต่ยังแพร่หลายมากขึ้นทั่วโลกอีกด้วย

มาตรฐานสายพันธุ์

          ถิ่นกำเนิด   ประเทศจีน
          กลุ่ม   Toy
          หัว   หัวกะโหลกมีลักษณะกลม ขนาดใหญ่ หนังบริเวณหน้าผากมีรอยย่นมาก
          หู   ขนาดเล็ก ใบหูค่อนข้างบาง มีหู 2 ชนิด คือหูตูบแบบบูลด็อก และหูพับแบบลูกกระดุม แต่จะนิยมหูพับมากกว่า
          ตา   ดวงตากลมโต สีเข้ม
          ปากสั้น   รูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส กรามล่างจะยื่นออก
          จมูก   สั้น สีด
          ฟัน   ขบกันแบบกรรไกร
          ลำตัว   สั้น หลังตรง ล่ำสัน และมีกล้ามเนื้อแข็งแรง
          คอ   สั้น โค้งเล็กน้อย
          อก   กว้าง
          ขา   ขาหน้าเหยียดตรง เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ความยาวปานกลาง เท้าไม่กลมเหมือนเท้าแมว เล็บสีดำ
          หาง หางชี้ขึ้นด้านบน แต่ลักษณะม้วนเป็นวงจนติดบั้นเอว หากม้วนได้ 2 รอบ ถือว่าเป็นลักษณะที่สมบูรณ์
          ขน   สั้นละเอียดเป็นประกาย ไม่ปุกปุย
          สี   สีน้ำตาลแบบลูกวัว สีเงิน หรือสีดำ มีาร์คกิ้งสีดำที่หน้าและใบหู
          ขนาด   สูง 10-11 นิ้ว น้ำหนัก 6.5 - 8.2 กิโลกรัม
          การเดิน และการวิ่ง   คล่องแคล่ว ปราดเปรียว
          ลักษณะที่ถือว่าบกพร่อง   หัวกะโหลกเล็ก ช่วงปากยาว ตาเล็ก รอยย่นเห็นไม่ชัด
          ช่วยชีวิตเฉลี่ย   12 - 14 ปี


7 ก้าวเดินตามรอยเท้า... หมาปั๊ก


หมาปั๊ก

 ก้าวที่ 1 : กว่าจะมีวันนี้

          สุนัขพันธุ์ปั๊กเป็นสุนัขที่เก่าแก่สายพันธุ์หนึ่ง มีกำเนิดมาจากประเทศจีนมาตั้งแต่ 400 ปี ก่อนคริสตกาล ในสมัยโบราณนิยมเลี้ยงไว้ในวัดจีน ต่อมาเริ่มมีการนำออกไปยังสถานที่ต่าง ๆ ก่อนจะเริ่มแพร่หลายไปยังหลาย ๆ ประเทศในแถบทวีปยุโรป

          ในประเทศฮอลแลนด์ สุนัขสายพันธุ์ปั๊กได้รับการยอมรับ และให้เกียรติเป็นอย่างมากเนื่องจากในอดีตมีสุนัขพันธุ์นี้ตัวหนึ่ง เคยช่วยชีวิตของเจ้าชายวิลเลียม โดยการเตือนให้พระองค์ทรงทราบว่าทหารของกองทัพของสเปนได้แอบลอบเข้ามาใกล้แล้วนั่นเอง

          ส่วนในประเทศฝรั่งในปี ค.ศ.1790 พระมเหสีของนโปเลียน ผู้นำประเทศฝรั่งเศสในยุคนั้นได้ซ่อนจดหมายไว้ที่ปลอกคอของปั๊ก  แล้วให้มันนำไปแจ้งข่าวสารต่อนโปเลียน เพื่อบอกกับนโปเลียนว่าพระนางถูกจับขังไวที่ Les Carmes

          จากวีรกรรมทั้งหลายทั้งมวลเหล่านี้เอง ทำให้สุนัขพันธุ์นี้เริ่มเป็นที่นิยมกันมากขึ้น ก่อนจะถูกพัฒนาสายพันธุ์จนกลายเป็นรูปแบบของปั๊กที่สมบูรณ์แบบในประเทศอังกฤษ ต่อมา ปั๊ก เริ่มเป็นที่นิยมในประเทศอังกฤษมากขึ้น แต่จากจำนวนของสุนัขในกลุ่มทอยอื่น ๆ ที่ทวีจำนวนขึ้น ทำให้ความนิยมในตัวปั๊ก เริ่มลดลงตามลำดับ จนเกือบจะสูญพันธุ์ไปจากประเทศอังกฤษ ซึ่งในขณะนั้นเองพระเจ้าจอร์จที่ 3 ได้ทรงนำเข้าปั๊กจากประเทศฮอลแลนด์และออสเตรีย ทำให้เขาสามารถช่วยดำรงสายพันธุ์ปั๊กไว้ในประเทศอังกฤษมาจนถึงปัจจุบัน

 ก้าวที่ 2 : ลักษณะทั่วไปของ หมาปั๊ก

          ปั๊ก เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก มีขนาดร่างกายเล็กปานกลาง หน้าสั้นและย่นแลดูทะเล้นน่ารัก ใบหูพับตก และมีขนสั้นเกรียน หางมีลักษณะบิดเป็นเกลียวชี้ขึ้นม้วนจนเป็นวงติดกับบั้นเอง ถ้าหางหางม้วนได้ถึงสองตลบจัดว่าเป็นลักษณะที่สวยสมบูรณ์ที่สุด หายใจและกรนเสียงดัง

          สำหรับสัดส่วนของ หมาปั๊ก ถูกผสมพันธุ์ออกมาจนได้รูปร่างที่กะทัดรัดเป็นสี่เหลี่ยมจัดตุรัส ตัน และมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง หัวมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ชิดขึ้นเล็กน้อย ตากลมยื่นออกมาแลดูอ่อนโยน มีสีดำเป็นประกาย หูสั้นตกลงข้างหัว มีความนุ่มคล้ายกำมะหยี่ คอสั้นโค้งเล็กน้อย ขาหน้าเหยียดตรง มีขนสั้นละเอียดเป็นประกาย มีสีเหลืองแอปริคอท มีมาร์คกิ้งสีดำที่หน้าและใบหู

          สุนัขพันธุ์นี้เป็นที่นิยมเลี้ยงกันมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีนิสัยน่ารัก ถึงหน้าตาของเขาจะดูเหมือนคิดมากไปสักหน่อย แต่ถ้าได้ลองเลี้ยงแล้วจะหลงใหลไม่รู้ตัว เพราะความอ่อนโยนของมัน ข้อควรระวังในการเลี้ยงคือสภาพอากาศที่ร้อน ปั๊กจะทนไม่ค่อยได้ ถ้าทนไม่ไหวอาจเป็นลมแดดได้ และถ้าอากาศเย็นควรให้อยู่ในที่อุ่น ๆ หรือหาเสื้อมาสวมให้เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นหวัด

หมาปั๊ก

 ก้าวที่ 3 : เกาะติดนิสัย หมาปั๊ก

          ธรรมชาติของ หมาปั๊ก จะเป็นสุนัขที่มีลักษณะเป็นมิตร ปราดเปรียว ว่องไว อารมณ์ดี อยากรู้อยากเห็น ชอบเข้าสังคม มีความนุ่มนวล แต่บางครั้งอาจมีความตื่นตัวและมีพละกำลังในการเล่นมาก ไม่ชอบทะเลาะเบาะแว้งกับสุนัขตัวอื่น ๆ มีความซื่้อสัตย์ต่อเจ้าของ ชอบพบปะทักทายกับคน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของหรือคนแปลกหน้า มีความฉลาดในระดับปานกลาง

          แม้จะเป็นสุนัขสายพันธุ์ที่ชอบเข้าสังคม แต่ปั๊กก็เป็นสุนัขที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ดื้อรั้น แต่เข้มแข็ง มันมีนิสัยชอบเอาชนะ และเด็ดเดี่ยวมากพอตัวทีเดียว

 ก้าวที่ 4 : ความต้องการการดูแลเอาใจใส่

          โดยส่วนมากสุนัขพันธุ์นี้จะขี้เกียจ หากปล่อยให้อยู่ตามลำพังหรือไม่มีอุปกรณ์ฝึกเขา จึงควรพาเขาไปเดินเล่นหรือเล่นเกมโยนของไปให้เขาเก็บทุกวัน แต่อย่าให้เขาออกกำลังกายหนัก ๆ ในช่วงที่มีอากาศร้อน หรือหลังกินอาหารเสร็จ

          แม้สุนัขพันธุ์นี้จะไม่ต้องการการดุแลเสริมสวยให้ยุ่งยากมากนัก แต่ก็จำเป็นต้องได้รับการรักษาความสะอาดทุกวัน อีกทั้งการดูแลเอาใจใส่ในเรื่องของการออกกำลังกาย ก็เป็นสิ่งสำคัญ ถึงแม้ปัก๊กจะไม่ใช่สุนัขที่รักกีฬา แต่การพาเขาไปออกกำลังกายให้พอเพียง ก็จะช่วยให้เขาไม่อ้วนและกลายเป็นสุนัขที่เฉื่อยชาจนเกินไป

 ก้าวที่ 5 : ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม

          เจ้าของที่สมบูรณ์แบบของ หมาปั๊ก จะต้องมีอุปนิสัยอ่อนโยน คอยดูแลเอาใจใส่เขา เหมาะมากสำหรับเจ้าของที่ชอบความสงบเงียบ และคนที่ต้องการสุนัขที่เลี้ยงไม่ยาก สำหรับบ้านที่มีพื้นที่เพียงเล็กน้อย ผู้ที่อาศัยอยู่ในหอพักหรือคอนโดมิเนียมก็สามารถเลี้ยงปั๊กได้อย่างสบาย ๆ เนื่องจากรูปร่างที่เล็ก ไม่ใหญ่เทอะทะ ทำให้ปั๊ก ไม่ต้องการพื้นที่เลี้ยงดูมากนัก

 ก้าวที่ 6 : ข้อควรระวัง

          เนื่องจากรูปทรงของตาและใบหน้าทำให้สุนัขสายพันธุ์นี้มีแนวโน้มที่จะเกิดการบาดเจ็บที่ตาได้ง่าย ถ้าปั๊กของคุณกำลังถูตาอยู่ กระพริบตาถี่ ๆ มีน้ำตาไหลมากเกิน หรือตามีการเปลี่ยนสีไป ควรปรึกษาสัตวแพทย์ของคุณโดยทันที และการที่เป็นสุนัขจมูกสั้น เขาจึงมักมีปัญหาเกี่ยวกับเพดานปากอ่อน จึงจำเป็นต้องตรวจสอบอยู่เสมอ

          นอกจากนี้ ปั๊กยังมีความเสี่ยงที่จะอ้วนได้ง่าย ดังนั้น การควบคุมปริมาณอาหารและการออกกำลังกายจึงเป็นสิ่งจำเป็น โครงสร้างกะโหลกศีรษะที่สั้น ส่งผลให้ปั๊ก มักมีปัญหาระบบทางเดินหายใจส่วนต้น โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงหรือภายหลังการออกกำลังกายอย่างหนัก จึงควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่มากเกินไป และการเลี้ยงดูในสถานที่ที่มีอุณหภูมิสูง

 ก้าวที่ 7 : โรคและความผิดปกติที่พบได้

           ความผิดปกติต่าง ๆ ของนัยน์ตา เช่น หนังตาม้วน โรคตาแห้ง กระจกตาอักเสบ แผลหลุมบริเวณกระจกตา

           ความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ กลุ่มอาการผิดปกติของท่อทางเดินหายใจส่วนต้น ในสุนัขสายพันธุ์ที่มีใบหน้าสั้น

           ระบบทางเดินสืบพันธุ์ ได้แก่ ภาวะคลอดยาก เนื่องจากขนาดหัว และช่วงไหล่ของลูกสุนัขมีขนาดใหญ่นั่นเอง

พื้นฐานทางเรขาคณิตศาสตร์

จุดประสงค์ที่1
   อธิบายความหมายของ จุด เส้นตรง ส่วนของเส้นตรง รังสี และมุม  ได้
                       1.1 จุดและเส้นตรง
                จุดและเส้นตรงเป็นคำที่ไม่มีนิยามและจุดใช้สำหรับบอกตำแหน่ง ส่วนเส้นตรงมีความยาวไม่จำกัด
      ลักษณะและสัญลักษณ์
          จุด     เขียนแทนด้วย  
          เส้นตรง     เขียนแทนด้วย       หรือ
          เส้นตรง     เขียนแทนด้วย   
                                 สมบัติของจุดและเส้นตรง
                                  1.  มีเส้นตรงเพียงเส้นเดียวเท่านั้นที่ลากผ่านจุดสองจุดที่กำหนดให้
                        2. เส้นตรงสองเส้นจะตัดกันที่จุดจุดเดียวเท่านั้น
            1.2 ส่วนของเส้นตรง
                     ส่วนของเส้นตรง คือ ส่วนหนึ่งของเส้นตรงที่มีจุดปลายสองจุด
     
          เส้นตรง      เขียนแทนด้วย      หรือ
          เส้นตรง     เขียนแทนด้วย   
 
จุดประสงค์ที่1
   อธิบายความหมายของ จุด เส้นตรง ส่วนของเส้นตรง รังสี และมุม  ได้


               1.3 รังสี
                     รังสี คือ ส่วนหนึ่งของเส้นตรงที่มีจุดปลายสองจุด
      
          รังสี     เขียนแทนด้วย     หรือ   เป็นจุดปลาย
     
        
รังสี     เขียนแทนด้วย    หรือ    เป็นจุดปลาย
 (   และ        ถือว่าเป็นคนละรังสีกัน เพราะมีจุดปลายคนละจุด )

                1.4 มุม
                     มุม คือ รังสีที่มีจุดปลายเป็นจุดเดียวกัน เรียกรังสีสองเส้นนี้ว่าแขนของมุม
          และเรียกจุดปลายที่เป็นจุดเดียวกันนี้ว่า เป็นจุดยอดมุม
         มุม    เขียนแทนด้วย      หรือ                 และ      เป็นแขนของมุม     เป็นจุดยอดมุม
จุดประสงค์ที่2
   การสร้างส่วนของเส้นตรงให้ยาวเท่ากัน ความยาวของส่วนของเส้นตรงที่กำหนดให้

  ตัวอย่าง      
จงสร้าง     ให้เท่ากับ    ที่กำหนดให้
    
  วิธีสร้าง                     
                                             
 1. ลาก        ให้ยาวกว่า       เล็กน้อย
 2. กางวงเวียนออกให้รัศมีเท่ากับ       ใช้  C  เป็นจุดศูนย์กลางเขียน
     ส่วนโค้งตัด       ที่  D  จะได้        ยาวเท่ากับ        ตามต้องการ
 
จุดประสงค์ที่3
   การแบ่งครึ่งส่วนของเส้นตร
กำหนดให้
วิธีสร้าง  

            ตัวอย่าง
   ให้แบ่งครึ่งส่วนของเส้นตรง AB ออกเป็น 2 ส่วน โดย
  

           1. ให้  A  และ  B   เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมียาว และมากกว่าครึ่งหนึ่งของ     เล็กน้อย
     เขียนส่วนโค้งตัดกันที่  C  และ  D
           2. ลาก      ตัด       ที่   E   จะได้  E เป็นจุดศูนย์กลาง   
จุดประสงค์ที่3
   การแบ่งครึ่งส่วนของเส้นตร

  ตัวอย่าง  จงแบ่งส่วนของเส้นตรง  AB ออกเป็น  4 ส่วนเท่า ๆ กัน
                    ทำได้โดยการแบ่งครึ่ง      ซ้ำกันหลาย ๆ ครั้งจนได้  4 ส่วนตามรูป

                          จะได้      ถูกแบ่งออกเป็น  4  ส่วนเท่า ๆ กัน  คือ    
หมายเหตุ
    วิธีนี้ใช้สำหรับแบ่งส่วนของเส้นตรงเป็น 2 , 4 , 8 , 16 ,….. ส่วนเท่า ๆ กัน
จุดประสงค์ที่4
   การแบ่งครึ่งมุม
            ตัวอย่าง      จงแบ่งครึ่งมุม   

             1. ใช้  เป็นจุดศูนย์กลางรัศมียาวพอสมควรเขียนส่วนโค้งบน     และ       ที่  และ  ดังรูป 
             2. ใช้  เป็นจุดศูนย์กลางรัศมียาวพอสมควรเขียนส่วนโค้งไว้
             3. ใช้  เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมีเท่ากับรัศมีในข้อ 2 เขียนส่วนโค้งตัดกับส่วนโค้งในข้อ 2 ที่จุด 
             4. ลาก    จะได้    แบ่งครึ่งมุม      ตามต้องการ
             5. ดังนั้น    = 
จุดประสงค์ที่5
   การสร้างมุมที่มีขนาดเท่ากับ 135 องศา 90 องศา 45 องศา


ตัวอย่าง      จงสร้างมุมฉากและมุม 45 องศา ตามลำดับ
                    
         1. เนื่องจากมุมฉากมีขนาดเป็นครึ่งหนึ่งของมุมตรง การสร้างมุมฉากจึงอาศัยการแบ่งครึ่ง
   มุมตรงซึ่งใช้วิธีแบ่งครึ่งมุมเหมือนจุดประสงค์ที่ 5 ได้ มุม AFE = มุม BFE = 90 องศา
         2. มุม  45  องศาํ มีขนาดเป็นครึ่งหนึ่งของมุมฉาก ดังนั้น การสร้างมุม 45 องศา จึงทำได้โดย
   การแบ่งมุมครึ่งมุมฉากได้ มุม  BFG  =  45  องศา
         3. จากการสร้าง มุม 45 องศาํ จะได้ มุม 135 องศาํ ตามมาคือ มุม  AFG = 135 องศาํ
  
จุดประสงค์ที่6
   ความหมาย และ สมบัติของเส้นขนาน

            เส้นขนาน  คือ เส้นตรงตั้งแต่ 2 เส้นขึ้นไปที่มีระยะห่างระหว่างเส้นตรงนั้นเท่ากันตลอดหรือ
    เป็นเส้นตรงที่ไม่ว่าจะต่อออกไปยาวเท่าใดก็ไม่มีโอกาสตัดกันเลย
      ขนาน    เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์     //  
       
           สมบัติที่สำคัญของเส้นขนานที่จะนำไปใช้ในการสร้างเส้นขนาน คือถ้าเส้นตรงเส้นหนึ่งตัดเส้นคู่หนึ่ง
    ทำให้มุมแย้งมีขนาดเท่ากัน แล้วเส้นตรงคู่นั้นจะขนานกัน
      
จุดประสงค์ที่7
   การสร้างเส้นขนาน จากจุด และเส้นตรงที่กำหนดให้
 

ตัวอย่าง
      การสร้างเส้นตรงให้ผ่านจุด ๆ หนึ่งและขนานกับเส้นตรงที่กำหนดให้
                      กำหนดจุด  และ  
                       
                  ต้องการสร้างเส้นตรงให้ผ่านจุด  และขนานกับ     จะได้ผลลัพธ์ดังรูป
            
                        
                  1.กำหนดจุด  บน      แล้วลาก 
                  2.สร้างมุม     ให้เท่ากับ  
                  3.จะได้    //   เพราะมีมุมแย้งเท่ากัน